
ประจำสัปดาห์ 01 - 07 ธันวาคม 2568
.png)

ราคาเหรียญ Luna และ Luna Classic ของบล็อกเชน Terra ปรับตัวเพิ่มขึ้นอย่างรุนแรงราว 70–130% ในวันที่ 6 ธันวาคม ภายหลังอัยการสหรัฐฯ ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงให้ลงโทษจำคุก โด ควอน ผู้ร่วมก่อตั้ง Terraform Labs เป็นเวลา 12 ปี โดยขณะนี้ควอนอยู่ระหว่างกระบวนการพิจารณาคดีในแมนฮัตตัน รัฐนิวยอร์ก จากบทบาทสำคัญของเขาในเหตุการณ์ล่มสลายของเหรียญในระบบนิเวศ Terra ซึ่งสร้างความเสียหายต่อมูลค่าตลาดรวมราว 4 หมื่นล้านดอลลาร์ เหตุการณ์ดังกล่าวเริ่มต้นจากการที่ TerraUSD ซึ่งเป็น Stablecoin ที่ผูกมูลค่ากับดอลลาร์สหรัฐ หลุดการตรึงราคาในเดือนพฤษภาคม 2022 และลุกลามไปสู่การร่วงลงอย่างรุนแรงของเหรียญที่เกี่ยวข้อง รวมถึง Terra Classic
รายงานของ Bloomberg ระบุว่า อัยการชี้ว่าการฉ้อโกงของควอนมีขอบเขตกว้างและสร้างผลกระทบในระดับมหาศาล จึงสมควรได้รับบทลงโทษที่หนักหน่วง/รุนแรง อย่างไรก็ตาม ปัจจัยทางกฎหมายดังกล่าวกลับส่งผลต่อราคาสินทรัพย์ในทิศทางที่ไม่คาดคิด โดยความเป็นไปได้ที่อดีตผู้บริหาร Terra จะได้รับโทษจำคุก กลับสอดคล้องกับการเพิ่มขึ้นของความต้องการเหรียญในระบบ Terra ราคา Terra Classic (LUNC) ปรับตัวขึ้นจากราว $0.000028 ในวันที่ 4 ธันวาคม ไปแตะระดับเกือบ $0.00008 ในช่วงเย็นของวันที่ 6 ธันวาคม และได้ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ประมาณ $0.00006 ในเวลาต่อมา ขณะที่เหรียญ Terra (LUNA) ก็ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากประมาณ $0.07 สู่ระดับราว $0.15 ในช่วงเวลาเดียวกัน
กระบวนการทางกฎหมายของ โด ควอน ดำเนินไปท่ามกลางความซับซ้อนและความไม่แน่นอน เขาถูกจับกุมในประเทศมอนเตเนโกรเมื่อเดือนมีนาคม 2023 จากการใช้เอกสารเดินทางปลอม โดยในช่วงเวลาดังกล่าว ทั้งสหรัฐฯ และเกาหลีใต้ต่างออกหมายจับ ส่งผลให้เกิดข้อพิพาททางกฎหมายเกี่ยวกับประเทศปลายทางของการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ก่อนที่ในที่สุดควอนจะถูกส่งตัวมายังสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม 2024 นอกเหนือจากคดีอาญา เขายังเผชิญคดีแพ่งจากสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์สหรัฐฯ (SEC) ซึ่งยื่นฟ้องในเดือนกุมภาพันธ์ 2023 การพิจารณาคดีระหว่าง Terraform Labs กับ SEC ได้เริ่มขึ้นเมื่อปีที่ผ่านมา โดยไม่มีควอนเข้าร่วม อัยการรัฐบาลกลางสหรัฐฯ ได้ยื่นคำร้องขอให้ศาลลงโทษจำคุก 12 ปี ต่อผู้พิพากษาศาลแขวงนิวยอร์กใต้ ภายหลังควอนรับสารภาพผิดเมื่อต้นปีนี้ โดยยอมรับว่าได้ฉ้อโกงนักลงทุนและบิดเบือนตลาดคริปโตผ่านการให้ข้อมูลที่เป็นเท็จเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์บล็อกเชนของบริษัท ขณะที่ฝ่ายทนายความของจำเลยร้องขอให้ลดโทษเหลือจำคุก 5 ปี โดยอ้างถึงระยะเวลาการคุมขังในมอนเตเนโกรและความเป็นไปได้ในการถูกดำเนินคดีในเกาหลีใต้ อย่างไรก็ตาม อัยการสหรัฐฯ เห็นว่าการลงโทษจำคุกในระยะยาวเท่านั้นที่จะสะท้อนความรุนแรงของการฉ้อโกง และทำหน้าที่เป็นกลไกยับยั้งพฤติกรรมในลักษณะเดียวกันในอนาคต

ทรัมป์ยังไม่ได้ยืนยันอย่างเป็นทางการว่าเขาจะเลือกใครมาแทนที่ เจอโรม พาวเวลล์ ในตำแหน่งประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed) หลังครบวาระในปีหน้า อย่างไรก็ตาม เมื่อพิจารณาจากสัญญาณล่าสุดหลายประการร่วมกัน กระแสเริ่มชี้ไปยังที่ปรึกษาคนสำคัญที่มีท่าทีเป็นมิตรกับคริปโตอย่าง เควิน แฮสเส็ตต์ โดยความคาดหวังว่าแฮสเส็ตต์จะก้าวขึ้นเป็นประธาน Fed คนถัดไปเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว หลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ดูเหมือนจะส่งสัญญาณถึงตัวเลือกในใจระหว่างงานอีเวนต์ที่ทำเนียบขาว ในการกล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันอังคาร ทรัมป์ได้แนะนำแขกผู้มีเกียรติ และกล่าวต้อนรับแฮสเส็ตต์ในลักษณะที่สื่อถึงสถานะ “ว่าที่ประธาน Fed”
ทรัมป์กล่าวว่า “นี่เป็นกลุ่มที่ยอดเยี่ยม และผมเดาว่าว่าที่ประธานเฟดก็มาร่วมอยู่ที่นี่ด้วย” ก่อนจะเสริมว่า “ผมไม่แน่ใจว่าเราสามารถใช้คำว่า “ว่าที่” ได้หรือไม่ แต่เขาเป็นบุคคลที่น่าเคารพ และนั่นคือสิ่งที่ผมพูดได้ ขอบคุณ เควิน” สัญญาณดังกล่าวเกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากที่ทรัมป์ระบุในการประชุมคณะรัฐมนตรีว่า กระบวนการคัดเลือกประธาน Fed คนใหม่ได้ถูกจำกัดตัวเลือกเหลือเพียงคนเดียว จากเดิมที่เคยพิจารณาผู้สมัครมากถึงราว 10
แฮสเส็ตต์ ซึ่งเป็นตัวเต็งลำดับต้น ๆ ที่จะมาแทนที่ เจอโรม พาวเวลล์ เมื่อวาระประธานเฟดสิ้นสุดลงในเดือนพฤษภาคม ถูกถามว่าเขาคิดว่าควรมีการลดอัตราดอกเบี้ยอีกกี่ครั้งเมื่อมองไปยังปี 2026 เขาตอบว่า ผมไม่อยากทำให้ผิดหวังกับการนับจำนวนครั้งของการลดดอกเบี้ย แต่ผมสามารถบอกได้ว่าสิ่งที่คุณต้องทำคือเฝ้าดูข้อมูล ซึ่งก่อนหน้านี้ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ได้เรียกร้องให้เฟดลดอัตราดอกเบี้ยมาตรฐานลงมา ต่ำกว่า 2% ในขณะที่ปัจจุบันเป้าหมายอยู่ที่ 3.75% ถึง 4% ขณะที่พาวเวลล์และคณะกรรมการคาดว่าจะปรับลดดอกเบี้ยลง 25 จุดพื้นฐานในการประชุมวันที่ 10 ธันวาคมนี้ โดยแฮสเส็ตต์ระบุว่า พาวเวลล์สามารถรวบรวมฉันทามติของคณะกรรมการได้ดี และเห็นพ้องว่าการปรับลดอัตราดอกเบี้ยควรดำเนินไปอย่างรอบคอบภายใต้การติดตามข้อมูลเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด

ช่วงต้นเดือนธันวาคม 2025 ตลาดคริปโทเคอร์เรนซีเผชิญความผันผวนรุนแรง โดยราคา Bitcoin ปรับตัวลดลงและเกิดการ Liquidation รวมมากกว่า 600 ล้านดอลลาร์ทั่วทั้งตลาด ท่ามกลางภาวะดังกล่าว Hyperliquid กลายเป็นแพลตฟอร์มที่โดดเด่นด้วยกระแสเงินไหลเข้าสุทธิกว่า 100 ล้านดอลลาร์ แม้ราคา HYPE จะปรับตัวลงต่ำกว่า 30 ดอลลาร์ในวันที่ 7 ธันวาคม ปัจจัยหลักมาจากข่าวการควบรวมกิจการที่ได้รับการอนุมัติเมื่อวันที่ 2 ธันวาคม พร้อมแผนการระดมทุนเพื่อเข้าซื้อ HYPE ขณะเดียวกัน Polygon PoS ยังสามารถรักษา Inflow ได้จากการประกาศ Hard Fork ในวันที่ 9 ธันวาคม และการเข้าร่วมเป็นส่วนหนึ่งของ Blockchain Payments Consortium ร่วมกับ Solana และ Stellar
ในทางกลับกัน Ethereum และ Arbitrum เผชิญกระแสเงินไหลออกสุทธิอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจากราคา ETH ปรับตัวลดลงต่ำกว่า 3,000 ดอลลาร์ ท่ามกลางความผันผวนของตลาด แม้ Ethereum จะมีความคืบหน้าในการอัปเกรด Fusaka และบริษัท BitMine เข้าซื้อ ETH เพิ่มเพื่อสะท้อนความเชื่อมั่นระยะยาว แต่นักลงทุนระยะสั้นยังคงถอนตัวออก สำหรับ Arbitrum แม้ยังคงเป็นเครือข่าย Layer-2 ที่มีขนาดใหญ่ที่สุด แต่การที่ Hyperliquid เปิดให้ฝาก USDC ได้โดยตรง ทำให้บทบาทของ Arbitrum ในฐานะสะพานเชื่อมลดลง ขณะที่ Solana เองก็เผชิญ Outflow เช่นกัน แม้จะมีการอัปเกรดเครือข่ายและทำสถิติใหม่หลายด้าน การเคลื่อนย้ายเงินทุนในช่วงนี้สะท้อนการปรับโครงสร้างของตลาด โดยเงินทุนเริ่มโยกย้ายออกจากเครือข่ายเดิมที่มีต้นทุนสูง ไปสู่แพลตฟอร์มที่มีประสิทธิภาพและโครงสร้างผลตอบแทนที่น่าสนใจกว่า

ดัชนี Crypto Fear & Greed Index เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ประเมินมุมมองและอารมณ์ของตลาดคริปโต โดยอ้างอิงคะแนนตั้งแต่ 0 ถึง 100 (0 หมายถึง ความกลัวสุดขีด หรือ Extreme Fear และ 100 หมายถึง ความโลภสุดขีด หรือ Extreme Greed)
ในช่วงสัปดาห์วันที่ 1–7 ธันวาคม 2025 ค่า Crypto Fear & Greed Index สะท้อนภาพความเชื่อมั่นของตลาดที่ผันผวนอยู่ในกรอบค่อนข้างแคบ โดยดัชนียังคงเคลื่อนไหวในโซน Fear เป็นหลัก แม้ระดับความกังวลจะไม่รุนแรง แต่ก็ยังไม่มากพอที่จะผลักดันบรรยากาศของตลาดให้ขยับเข้าสู่โซน Neutral หรือ Greed ได้อย่างชัดเจน
ในช่วงต้นสัปดาห์ วันที่ 1–2 ธันวาคม ดัชนีทรงตัวอยู่บริเวณประมาณ 21–22 จุด สะท้อนภาวะความระมัดระวังของตลาด นักลงทุนส่วนใหญ่ยังเลือกติดตามทิศทางและประเมินปัจจัยแวดล้อม มากกว่าการเข้าลงทุนเชิงรุก จากนั้นในช่วงวันที่ 3–5 ธันวาคม ดัชนีปรับตัวดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด ขยับขึ้นสู่ระดับประมาณ 25–27 จุด ซึ่งสะท้อนการฟื้นตัวของความเชื่อมั่น ตลาดเริ่มกลับมามีแรงซื้อบางส่วน และบรรยากาศโดยรวมผ่อนคลายขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงต้นสัปดาห์
อย่างไรก็ตาม เมื่อเข้าสู่ช่วงวันที่ 6–7 ธันวาคม ดัชนีเริ่มอ่อนตัวลงอีกครั้ง กลับมาอยู่ในช่วงประมาณ 21–23 จุด แม้การปรับลดจะไม่รุนแรง แต่ยังคงอยู่ในระดับที่สูงกว่าต้นสัปดาห์ สะท้อนว่าตลาดยังอยู่ในโหมดเฝ้าระวังและบริหารความเสี่ยง นักลงทุนยังไม่เร่งตัดสินใจเข้าหรือออกจากตลาดอย่างชัดเจน ขณะเดียวกันก็ไม่ได้แสดงสัญญาณตื่นตระหนกหรือเร่งเทขายสินทรัพย์ออกมา

ตลาด Bitcoin ยังคงอยู่ในภาวะประเมินความเสี่ยงอย่างระมัดระวัง ทั้งในด้านราคาและกระแสเงินที่เคลื่อนเข้าสู่สินทรัพย์ประเภท Bitcoin ETF แม้ภาพรวมจะยังไม่เห็นแรงซื้อขนาดใหญ่เข้ามาหนุนตลาดอย่างชัดเจน แต่ก็ไม่ได้ปรากฏสัญญาณการไหลออกอย่างรุนแรงเช่นเดียวกับช่วงกลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา สถานการณ์ดังกล่าวสะท้อนภาวะตลาดที่ยังอยู่ในช่วงประคองตัวและรอความชัดเจนของทิศทาง แม้ระดับความเชื่อมั่นของนักลงทุนตามดัชนีอารมณ์ตลาดจะยังคงอยู่ในโซน Fear ก็ตาม
ช่วงวันที่ 1 ธันวาคม 2025 กระแสเงินเข้าสู่ Bitcoin ETF โดยรวมอยู่ในระดับจำกัดที่ประมาณ +8.5 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีแรงไหลออกจากกองทุนหลักอย่าง IBIT และ BRRR ขณะที่กองทุนอื่นมีการเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อย ภาพรวมจึงสะท้อนรูปแบบการลงทุนที่ค่อนข้างระมัดระวัง และยังไม่เห็นการเข้ามาของเม็ดเงินใหม่ขนาดใหญ่ในตลาดอย่างเด่นชัด
ในวันที่ 2–4 ธันวาคม กระแสเงินเริ่มผันผวนมากขึ้น
ในช่วงท้ายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 5–7 ธันวาคม สัญญาณของตลาดเริ่มกลับมาอยู่ในลักษณะทรงตัว โดยวันที่ 5 ธันวาคม มีกระแสเงินไหลเข้ารวมประมาณ +54.8 ล้านดอลลาร์ แรงซื้อส่วนใหญ่กระจุกตัวอยู่ที่กอง ARKB ขณะที่กองทุนอื่นส่วนใหญ่มีการเคลื่อนไหวจำกัดหรือมีตัวเลขเป็นศูนย์ สะท้อนพฤติกรรมการลงทุนเชิงเลือกเฉพาะกองทุนที่ยังมีปัจจัยสนับสนุนเชิงบวก มากกว่าการเข้าซื้อในวงกว้างทั้งตลาด

การเคลื่อนไหวของเม็ดเงินในกองทุน Ethereum ETF ยังคงสะท้อนบรรยากาศการลงทุนที่ระมัดระวัง นักลงทุนเลือกเข้าถือ ETH เป็นช่วง ๆ โดยไม่พบแรงเทขายรุนแรงเหมือนช่วงปลายเดือนพฤศจิกายน ขณะเดียวกันก็ยังไม่เห็นสัญญาณของการเร่งสะสมเชิงรุก ตัวเลขวันที่ 1 ธันวาคม 2025 อยู่ที่ -79.0 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยแรงกดดันหลักมาจากกองทุน ETHE ที่มีเงินไหลออกถึง -49.8 ล้านดอลลาร์ ซึ่งสะท้อนพฤติกรรมการปรับสมดุลพอร์ตมากกว่าการขายตื่นตระหนก
ช่วงกลางสัปดาห์เริ่มมีสัญญาณที่น่าสนใจมากขึ้น โดยวันที่ 2–3 ธันวาคม ตลาดแสดงการฟื้นตัว วันที่ 2 ธันวาคม แม้ ETHA จะมีเงินไหลออก -88.7 ล้านดอลลาร์ แต่ถูกชดเชยด้วยเงินไหลเข้าของ FETH ที่ +50.7 ล้านดอลลาร์ และ ETHE ที่ +28.1 ล้านดอลลาร์ ทำให้แรงกดดันโดยรวมถูกดูดซับได้ในระดับหนึ่ง ขณะที่วันที่ 3 ธันวาคม กระแสเงินชัดเจนยิ่งขึ้น เมื่อยอดรวมปรับเป็น +140.2 ล้านดอลลาร์ นับเป็นวันที่แข็งแกร่งที่สุดในช่วงเวลาดังกล่าว โดย ETHE มีเงินไหลเข้า +27.6 ล้านดอลลาร์ สะท้อนความต้องการสะสมในจังหวะที่ราคายังไม่เร่งตัว
อย่างไรก็ตาม ความเชื่อมั่นยังไม่สามารถยืนระยะได้ตลอดสัปดาห์ เนื่องจากในวันที่ 4–5 ธันวาคม ตลาดกลับเข้าสู่ภาวะเงินไหลออกอีกครั้ง โดยมี ETHE และ ETHH เป็นปัจจัยกดดันหลัก ส่งผลให้แรงซื้อหลังช่วงกลางสัปดาห์เริ่มอ่อนตัวลง ภาพรวมจึงสะท้อนว่าตลาดอยู่ในจังหวะชะลอเพื่อรอปัจจัยหรือข่าวใหม่ มากกว่าการเดินหน้าผลักดันราคาอย่างต่อเนื่อง
ข่าวสารสำคัญ:
Bank of America ขยายการเข้าถึงคริปโทฯ ให้กับลูกค้าบริการจัดการความมั่งคั่ง
เหตุผลที่ JPMorgan กล่าวว่า Bitcoin อาจพุ่งขึ้นไปถึง $170,000 ในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า
ZKsync จะยกเลิกการใช้งาน Ethereum Rollup ดั้งเดิมในปีหน้า
ที่มา:
https://www.dlnews.com/articles/people-culture/luna-luna-classic-prices-jump-on-do-kwon-news
https://cointelegraph.com/news/trump-hints-kevin-hassett-next-fed-chair
https://beincrypto.com/hyperliquid-hype-seven-month-low/
https://www.bitget.com/amp/news/detail/12560605097377
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
Note: This analysis is conducted every Monday, so some parts of the article may contain inaccurate information
คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ขอบคุณที่ติดตามครับ
Thanakarn & JP. Deniel
ประกาศและข่าวสารเหรียญต่าง ๆ
ประกาศและข่าวสารเหรียญต่าง ๆ
ลงทะเบียนอย่างปลอดภัยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต


