
ประจำสัปดาห์ 24 - 30 พฤศจิกายน 2568
.png)

โปรโตคอล Yield-farming อย่าง Yearn Finance ถูกโจมตี ส่งผลให้สินทรัพย์สภาพคล่องที่ผู้ใช้นำไป Stake (liquid staking tokens) มูลค่าหลายล้านดอลลาร์ถูกดึงออกจากผลิตภัณฑ์ Yearn Ether (yETH) อย่างมีนัยสำคัญ ข้อมูลจากบล็อกเชนชี้ให้เห็นว่าพูล yETH ถูกระบายออกอย่างเด่นชัดผ่านการใช้ช่องโหว่ที่ถูกออกแบบอย่างรอบคอบ ทำให้ผู้โจมตีสามารถมิ้นท์โทเค็น yETH ได้แทบไม่จำกัด และใช้ช่องโหว่นี้ดึงสภาพคล่องออกจากพูลได้ภายในธุรกรรมเดียว จากธุรกรรมดังกล่าว มีการโอน 1,000 ETH (มูลค่าประมาณ 3 ล้านดอลลาร์ตามราคาปัจจุบัน) ไปยังโปรโตคอลผสมเหรียญ Tornado Cash ซึ่งเป็นปลายทางที่มักถูกใช้เพื่อปกปิดเส้นทางของเงินทุนหลังการโจมตี
ดูเหมือนว่าการโจมตีครั้งนี้เกี่ยวข้องกับ Smart Contracts หลายตัวที่เพิ่งถูกปรับใช้ใหม่ โดยบางส่วนได้ทำลายตัวเองหลังการทำธุรกรรมตามข้อมูลที่ปรากฏบนบล็อกเชน ในเบื้องต้นยังไม่สามารถระบุขนาดความเสียหายทางการเงินทั้งหมดได้อย่างชัดเจน ขณะที่พูล yETH มีมูลค่าราว 11 ล้านดอลลาร์ก่อนเกิดเหตุ การแฮ็กถูกตรวจพบเป็นครั้งแรกโดยผู้ใช้ X ชื่อ Togbe ซึ่งรายงานว่าตนสังเกตเห็นความผิดปกติจากการเฝ้าดูการโอนเงินจำนวนมาก Togbe ระบุว่า การโอนสุทธิชี้ให้เห็นถึงการมิ้นต์ yETH จำนวนมากผิดปกติ ทำให้ผู้โจมตีสามารถระบายสภาพคล่องจากพูลไปได้ และทำกำไรราว 1,000 ETH พร้อมเสริมว่ามี ETH อื่น ๆ ถูกสูญเสียระหว่างกระบวนการ แต่ผู้โจมตีก็ยังสามารถทำกำไรออกไปได้
ด้าน Yearn ได้โพสต์ข้อความบน X ระบุว่ากำลังตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกี่ยวข้องกับพูล stableswap ของ yETH LST และยืนยันว่า Yearn Vaults ทั้งเวอร์ชัน V2 และ V3 ไม่ได้รับผลกระทบ ต่อมาในประกาศที่เผยแพร่เมื่อเวลา 23:10 น. ของวันอาทิตย์ Yearn ยืนยันว่าความเสียหายรวมจากการโจมตีครั้งนี้อยู่ที่ 9 ล้านดอลลาร์ โดยแบ่งเป็น 8 ล้านดอลลาร์จากพูล stableswap และ 0.9 ล้านดอลลาร์จากพูล yETH-WETH stableswap บน Curve ทั้งนี้ Yearn ระบุว่ากำลังดำเนินการสอบสวนหลังเหตุการณ์ (post-mortem investigation) อย่างเต็มรูปแบบร่วมกับทีม SEAL 911 และ ChainSecurity

Bitcoin ร่วงลงต่ำกว่า $86,500 ในคืนวันอาทิตย์ ภายใต้แรงกดดันจากปัจจัยเศรษฐกิจมหภาคและเหตุการณ์แฮ็กของ Yearn Finance ซึ่งร่วมกันกระตุ้นให้นักลงทุนปรับพอร์ตเข้าสู่สถานะหลีกเลี่ยงความเสี่ยง (risk-off positions) ตามข้อมูลในหน้าดัชนีราคา Bitcoin ปรับตัวลดลง 4.8% ภายในช่วง 24 ชั่วโมงที่ผ่านมา (ถึงเวลา 23:40 น.) ส่งผลให้ราคามาอยู่ที่ราว $86,310 ขณะเดียวกัน สินทรัพย์คริปโตหลักอื่น ๆ ต่างเผชิญแรงขายเช่นเดียวกัน โดย Ethereum ร่วงลง 5.36% สู่ระดับ $2,827 ส่วน XRP ลดลง 6.39% มาอยู่ที่ $2.05 และ Solana ดิ่งลง 6.41% สู่ระดับประมาณ $126 ซึ่งสะท้อนภาวะกระแสหลีกเลี่ยงความเสี่ยงที่กดดันตลาดคริปโตในวงกว้าง
การเทขายครั้งใหญ่เกิดขึ้นในช่วงเย็นวันอาทิตย์ โดยราคาบิทคอยน์ร่วงจากราว $91,300 ณ เวลา 19:00 น. ลงสู่ระดับใกล้ $87,000 ภายในสามชั่วโมง ดึงราคากลับสู่กรอบอ่อนตัวที่เคยเห็นในช่วงกลางถึงปลายเดือนพฤศจิกายนและลบการฟื้นตัวตลอดห้าวันก่อนหน้าที่ดันราคาเกิน $90,000 ขณะเดียวกัน มูลค่าตลาดคริปโตโดยรวมลดลง 4.5% ในช่วงสี่ชั่วโมง คิดเป็นมูลค่าที่หายไปราว $144 พันล้านดอลลาร์ โดยแรงดีดขึ้นของบิทคอยน์ในช่วงต้นเดือนเคลื่อนตามความคาดหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ ในเดือนธันวาคม ซึ่งยังเป็นแรงหนุนสำคัญของ sentiment ตลาด โดยข้อมูลจาก CME Group’s FedWatch Tool ล่าสุดบ่งชี้โอกาสราว 87.4% ที่จะมีการลดอัตราดอกเบี้ย 25 จุดพื้นฐาน
อย่างไรก็ตาม Rachael Lucas นักวิเคราะห์คริปโตจาก BTC Markets มองว่าความหวังต่อการลดอัตราดอกเบี้ยเพียงอย่างเดียวยังไม่เพียงพอที่จะพลิกฟื้นแรงส่งขาขึ้นของตลาด โดยชี้ว่าสถานการณ์ปัจจุบันขึ้นอยู่กับ “ตำแหน่งการลงทุน (positioning)” มากกว่าปัจจัยพื้นฐาน แม้โอกาสในการลดดอกเบี้ยเดือนธันวาคมจะเพิ่มขึ้นเป็นราว 85% แต่ตลาดได้สะท้อนประเด็นนี้ล่วงหน้าไปแล้วตั้งแต่หลายเดือนก่อน ระหว่างช่วงที่ราคาปรับตัวขึ้นในเดือนกันยายนถึงตุลาคม

ในช่วง 7 วันที่ผ่านมา กระแสเงินทุนไหลเข้าสู่ Ethereum อย่างโดดเด่นที่สุดกว่า 308.3 ล้านดอลลาร์ สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนที่ยังคงแข็งแรงจนทำให้เครือข่ายอื่นตามไม่ทัน ขณะเดียวกัน Starknet ก็แสดงศักยภาพเหนือความคาดหมาย ด้วย inflow ต่อเนื่องรวม 77.7 ล้านดอลลาร์ ส่งผลให้ขึ้นมาเป็นหนึ่งในผู้ชนะของฝั่ง L2 ส่วน Hyperliquid ก็ยังคงรักษาโมเมนตัมจากกระแสความนิยมของ Perp DEX ทำให้สภาพคล่องหลั่งไหลเข้ามาอย่างต่อเนื่องในระดับที่ต้องติดตาม
ในทางกลับกัน Arbitrum กลายเป็นเครือข่ายที่เผชิญเม็ดเงินไหลออกมากที่สุดของสัปดาห์ สะท้อนถึงการลดน้ำหนักและความสนใจที่เริ่มเบี่ยงไปสู่ L2 รายอื่น ขณะที่ Polygon PoS ก็เผชิญกับ outflow สูงเช่นกัน แม้จะมีการพูดถึงแผนพัฒนาใหม่ แต่ยังไม่มากพอที่จะดึงเม็ดเงินกลับเข้าสู่ระบบ นอกจากนี้เครือข่ายอย่าง Base, Linea, Avalanche C-Chain และอีกหลายแพลตฟอร์มก็ยังคงอยู่ในแดนลบ บ่งชี้ว่าสภาพคล่องกำลังเคลื่อนตัวออกไปสู่เครือข่ายที่มีโอกาสมากกว่าในช่วงนี้
ภาพรวมจึงสะท้อนว่าเม็ดเงินในตลาดกำลัง “เลือกข้าง” อย่างชัดเจน โดยนักลงทุนให้ความสำคัญกับเครือข่ายที่มีโครงสร้างแข็งแรงและการใช้งานจริง ขณะที่แพลตฟอร์มที่โมเมนตัมลดลงยังคงถูกถอนสภาพคล่องออกต่อเนื่อง แนวโน้มดังกล่าวอาจบ่งชี้ว่าตลาดกำลังเข้าสู่การจัดสมดุลดำเนินใหม่ ก่อนจะเข้าสู่ช่วงเคลื่อนไหวครั้งใหญ่ในระยะถัดไป

ดัชนี Crypto Fear & Greed Index ของเว็บไซต์ alternative.me เป็นหนึ่งในเครื่องมือที่ใช้ประเมินมุมมองและอารมณ์ของตลาดคริปโต โดยอ้างอิงคะแนนตั้งแต่ 0 ถึง 100 (0 หมายถึง ความกลัวสุดขีด หรือ Extreme Fear และ 100 หมายถึง ความโลภสุดขีด หรือ Extreme Greed)
ตัวเลข Fear & Greed ล่าสุดลดลงมาอยู่ที่ระดับ 24 ในโซน “Extreme Fear” สะท้อนบรรยากาศความกังวลที่เพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง แม้เมื่อเทียบกับตัวเลขเมื่อวานและสัปดาห์ก่อนจะยังอยู่ในกรอบใกล้เคียงกัน แต่แรงกดดันรอบนี้ทวีความรุนแรงจากหลายปัจจัย ทั้งการที่ราคาบิตคอยน์ผันผวนหลุดระดับ 87,000 ดอลลาร์ รวมถึงเหตุการณ์ความผิดปกติในพูล yETH ของ Yearn Finance ซึ่งกระตุ้นแรงเทขายในตลาด DeFi กลับมากดดันความเชื่อมั่นโดยรวม
ในอีกด้านหนึ่ง ตลาดยังคงจับตาสัญญาณเชิงนโยบายจาก Fed หลังประกาศยุติการลดงบดุล (QT) ซึ่งอาจส่งผลต่อแนวโน้มสภาพคล่องในอนาคต แม้จะถูกมองว่าเป็นพัฒนาการเชิงบวก แต่บรรยากาศในช่วงนี้ยังเต็มไปด้วยความระมัดระวังจากนักลงทุน ส่งผลให้ตลาดผันผวนง่ายและเคลื่อนไหวแบบขาดทิศทาง ดัชนี Extreme Fear จึงสะท้อนความเปราะบางของอารมณ์ตลาดอย่างเด่นชัด พร้อมรอแรงหนุนใหม่ที่จะช่วยประคับประคองความเชื่อมั่นให้ฟื้นตัวกลับมา

กระแสเงินของ Bitcoin ETF ระหว่างวันที่ 24–28 พฤศจิกายน 2025 สะท้อนภาพตลาดที่อยู่ในภาวะ “ระแวงแต่ยังไม่ยอมถอย” อย่างชัดเจน โดยกองทุนหลักหลายแห่งเผชิญแรงขายต่อเนื่องตั้งแต่ต้นสัปดาห์ วันที่ 24 พฤศจิกายนเปิดด้วยกระแสเงินไหลออกสุทธิราว 151 ล้านดอลลาร์ จากแรงขายในกองทุนใหญ่ IBIT รวมถึงกองทุนรองอีกหลายแห่ง ซึ่งเป็นผลโดยตรงจากความกังวลที่ยังคงกดดันตลาดหลังความผันผวนรุนแรงในสัปดาห์ก่อนหน้า ทั้งความเสี่ยงจาก DeFi และราคาบิตคอยน์ที่ปรับตัวลดลงต่อเนื่อง ทำให้ ETF Flow วันแรกปิดลบเด่นชัด และแรงเก็งกำไรเชิงรุกถูกลดทอนลงทันที
วันที่ 25 พฤศจิกายนเริ่มเห็นการเปลี่ยนแปลง ตลาดมีแรงซื้อกลับเข้ามาบางส่วน โดยเฉพาะในกองทุน IBIT, FBTC และ BTCO ที่กลับมาบันทึกเม็ดเงินไหลเข้า แม้จะไม่ใช่ inflow ขนาดใหญ่ แต่ยอดรวมกว่า 128 ล้านดอลลาร์ในวันเดียวช่วยลดแรงกดดันที่สะสมก่อนหน้า การเด้งกลับลักษณะนี้มักเกิดขึ้นเมื่อผู้เล่นสถาบันมองว่าราคาปรับตัวลงมากเกินไปจนเริ่มดึงดูดต่อการสะสม แต่ยังไม่ถือเป็นสัญญาณฟื้นตัวในเชิงโครงสร้างของตลาด
อย่างไรก็ตาม วันที่ 26 พฤศจิกายน โมเมนตัมบวกเริ่มอ่อนแรงทันที โดยกระแสเงินไหลเข้าหดเหลือเพียง 21 ล้านดอลลาร์ และ FBTC กลับมาเป็นฝั่งลบอีกครั้ง ทำให้บรรยากาศกลับสู่โหมดระมัดระวัง สะท้อนความลังเลของผู้เล่นรายใหญ่ที่ยังไม่พร้อมเพิ่มน้ำหนักในฝั่งขาขึ้น ในช่วงที่ตลาดยังขาดปัจจัยบวกใหม่และเผชิญแรงกดดันจากความไม่มั่นใจในระบบนิเวศคริปโต
ปลายสัปดาห์ในวันที่ 28 พฤศจิกายนปิดด้วยภาพผสม แม้ IBIT จะมีเงินไหลออกกว่า 113 ล้านดอลลาร์ แต่กองทุนอื่นอย่าง FBTC, BITB, ARKB และ BTCO กลับมี inflow เข้ามาชดเชย ส่งผลให้ยอดรวมทั้งวันกลับมาเป็นบวกที่ราว 71 ล้านดอลลาร์ การไหลเข้าที่กระจายตัวเช่นนี้สะท้อนว่าตลาดยังไม่เลือก “ผู้ชนะรายเดียว” แต่มีแรงสะสมที่ค่อยเป็นค่อยไป กระจายความเสี่ยง และไม่เร่งเกินไป แสดงท่าทีระมัดระวังแต่ยังไม่ถอนตัวจากตลาดอย่างสิ้นเชิง
ภาพรวมตลอดช่วงวันที่ 24–28 พฤศจิกายนแสดงให้เห็นว่าตลาดยังเต็มไปด้วยความกลัว แต่กระแสเงินไม่ได้ไหลออกต่อเนื่องเป็นเส้นตรง ผู้เล่นรายใหญ่กำลัง “ปรับพอร์ตอย่างระมัดระวัง” มากกว่าการลดสถานะอย่างเด็ดขาด ETF Flow ที่สลับระหว่างบวกและลบชี้ว่าตลาดกำลังอยู่ในช่วงปรับฐานตามกลไกธรรมชาติ และรอปัจจัยชัดเจนกว่านี้เพื่อกำหนดทิศทางถัดไป หากมีแรงหนุนจากนโยบายการเงินหรือข่าวเชิงบวกเกี่ยวกับบิตคอยน์ ก็มีความเป็นไปได้ที่ inflow จะกลับมาเพิ่มขึ้นอีกครั้ง

กระแสเงินของ Ethereum ETF ระหว่างวันที่ 24–28 พฤศจิกายน 2025 สะท้อนการเปลี่ยนทิศของความเชื่อมั่นในตลาดที่เริ่มปรับตัวดีขึ้น หลังจาก ETH เผชิญแรงขายหนักต่อเนื่องในช่วงกลางเดือน การเคลื่อนไหวตั้งแต่วันที่ 24 เป็นต้นไปเริ่มแสดงสัญญาณแรงซื้อกลับที่ชัดเจน โดยวันที่ 24 พฤศจิกายน มีกระแสเงินไหลเข้าสุทธิราว 96.6 ล้านดอลลาร์ กองทุนหลักอย่าง ETHA ไหลเข้า 92.6 ล้านดอลลาร์ พร้อมด้วยกองทุนอื่นอย่าง ETHV และ ETHE ที่พลิกกลับมาเป็นบวก ซึ่งช่วยบรรเทาความกังวลที่กดทับตลาด ETH มาหลายวันก่อนหน้า การไหลเข้ารอบนี้มักสะท้อนการ “ซื้อสะสมช่วงราคาย่อตัว” ของผู้เล่นรายใหญ่ หลังจาก ETH ถูกกดดันด้วยปัจจัยลบ เช่น ประเด็น Yearn Finance และความผันผวนทั่วทั้งตลาดคริปโต
วันที่ 25 พฤศจิกายน แรงซื้อยังคงเกิดขึ้นต่อเนื่อง กระแสเงินไหลเข้าสุทธิอยู่ที่ประมาณ 78.6 ล้านดอลลาร์ โดยมี inflow เด่นจากกองทุนสำคัญอย่าง ETHA (46.1 ล้านดอลลาร์) และ FETH (47.5 ล้านดอลลาร์) การไหลเข้าของกองทุนใหญ่ฝั่ง Fidelity สะท้อนการปรับน้ำหนักลงทุนของสถาบันที่กลับเข้าสู่ ETH อีกครั้ง แม้ ETHE ของ Grayscale จะยังมีเงินไหลออกเล็กน้อย แต่ภาพรวมยังคงอยู่ในโซนบวกอย่างมั่นคง
วันที่ 26 พฤศจิกายน ยังคงเห็นเม็ดเงินไหลเข้า แม้ตัวเลขลดลงเหลือ 60.8 ล้านดอลลาร์ แต่ inflow ต่อเนื่องเป็นวันที่สามบ่งชี้ว่าสถาบันไม่ได้เข้าซื้อเพียงครั้งเดียว แต่กำลังทยอยสะสมตามรูปแบบการลงทุนช่วงตลาดปรับฐาน กองทุน ETHA และ FETH ยังคงเป็นผู้นำในการรับเงินทุน ขณะที่กองทุนรองหลายแห่งไม่มีการไหลออกเพิ่มเติม ทำให้สัญญาณเสถียรภาพของตลาด ETH ชัดเจนขึ้น
ปลายสัปดาห์ในวันที่ 28 พฤศจิกายน ปิดด้วย inflow อีก 76.6 ล้านดอลลาร์ แม้ไม่ใช่ตัวเลขสูงที่สุดของสัปดาห์ แต่กระแสเงินที่ไหลเข้าอย่างต่อเนื่องตลอดวันที่ 24–28 พฤศจิกายน สะท้อนว่าความกังวลในตลาดเริ่มลดลง แม้ราคา ETH จะยังไม่ฟื้นตัวอย่างเต็มที่ แต่การไหลเข้าของเม็ดเงิน ETF ที่มากกว่าการไหลออกมักเป็นหนึ่งในสัญญาณแรกของการเริ่มฟื้นตัวในเชิงโครงสร้าง ก่อนที่ราคาจะทยอยตามขึ้นมาในระยะถัดไป
โดยรวมแล้ว ช่วงวันที่ 24–28 พฤศจิกายนถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญของกระแสเงินใน Ethereum ETF จากสภาวะถูกเทขายหนักในช่วงก่อนหน้า ไปสู่การกลับมามี inflow ต่อเนื่องหลายวันติด การหมุนกลับของสถาบันบ่งชี้มุมมองว่าการปรับฐานของ ETH น่าจะลึกเพียงพอ และเป็นจังหวะในการสะสมมากกว่าการลดความเสี่ยง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นทยอยฟื้นตัว แม้สภาวะตลาดคริปโตโดยรวมยังคงเผชิญความไม่แน่นอนอยู่ก็ตาม
ข่าวสารสำคัญ:
เหตุผลที่ทองคำเอาชนะบิทคอยน์ในปี 2025: สภาพคล่อง, การค้า (การทำธุรกรรม), และความเชื่อมั่น
ประธานฝ่ายคริปโตของ Nasdaq ให้คำมั่นจะดำเนินการให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ สำหรับหุ้นโทเคนไนซ์
ที่มา:
https://www.theblock.co/post/380835/bitcoin-slides-below-86500
หมายเหตุ : บทวิเคราะห์นี้จัดทำขึ้นในทุกวันจันทร์ ดังนั้นบทความบางส่วนอาจจะมีความคลาดเคลื่อนของข้อมูลได้
Note: This analysis is conducted every Monday, so some parts of the article may contain inaccurate information
คำเตือน: คริปโทเคอร์เรนซี และโทเคนดิจิทัลมีความเสี่ยงสูง ท่านอาจสูญเสียเงินลงทุนได้ทั้งจำนวน โปรดศึกษาและลงทุนให้เหมาะสมกับระดับความเสี่ยงที่ยอมรับได้
ขอบคุณที่ติดตามครับ
Thanakarn & JP. Deniel
ลงทะเบียนอย่างปลอดภัยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต


