ตลาดโลกอยู่ในภาวะความไม่แน่นอนหลายด้าน ส่งผลให้เงินไหลเข้าสินทรัพย์ “ปลอดภัย” อย่างคริปโต ทั้ง Bitcoin และ BNB ทำจุดสูงสุดใหม่ในรอบใหม่
บิตคอยน์ทะลุระดับ 26,000 ดอลลาร์สหรัฐ เมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็น จุดสูงสุดใหม่ตลอดกาล (All-Time High) ของสกุลเงินดิจิทัลที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก่อนจะร่วงลงมากกว่า 1% เหลือต่ำกว่า 24,000 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันอังคาร
BNB ซึ่งเป็นโทเคนประจำแพลตฟอร์ม Binance ตลาดซื้อขายคริปโตที่ใหญ่ที่สุดในโลก ก็ทำสถิติสูงสุดของตัวเองเช่นกันที่ระดับ 1,268 ดอลลาร์สหรัฐ ในวันอังคาร การพุ่งขึ้นของตลาดคริปโตครั้งนี้ทำให้ Changpeng Zhao (CZ) ผู้ก่อตั้ง Binance มีมูลค่าทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเป็น 89.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ตามการจัดอันดับมหาเศรษฐีของ Forbes
อย่างไรก็ตาม CZ ได้ออกมาปฏิเสธตัวเลขดังกล่าวผ่านแพลตฟอร์ม X (Twitter เดิม) โดยระบุว่า “ตัวเลขนี้สูงเกินจริงมาก”
แม้ในสื่อสังคมออนไลน์ของจีนแผ่นดินใหญ่จะมีปฏิกิริยาต่อราคาบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้นไม่มากนัก แต่ในแพลตฟอร์ม X นักลงทุนคริปโตชาวจีนจำนวนมากต่างเฉลิมฉลองและคาดการณ์ว่าตลาดกระทิงครั้งใหม่นี้อาจ “ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน”
การปรับตัวขึ้นของบิตคอยน์เกิดขึ้นในช่วงที่นักลงทุนทั่วโลกหันไปหาสินทรัพย์นอกเหนือจากสกุลเงินหลักอย่างดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งกำลังเผชิญแรงกดดันจาก ภาวะปิดทำการของรัฐบาลสหรัฐ (Government Shutdown) ที่ยืดเยื้อนานหลายวัน
ราคาทองคำเองก็ปรับตัวขึ้นทำ สถิติสูงสุดใหม่ใกล้แตะ 4,000 ดอลลาร์สหรัฐต่อออนซ์ เพิ่มขึ้นกว่า 50% ตั้งแต่ต้นปี
Nick Ruck ผู้อำนวยการของบริษัท LVRG Research กล่าวว่า
“การพุ่งขึ้นของบิตคอยน์เป็นสัญญาณสะท้อนบทบาทของมันในฐานะสินทรัพย์ป้องกันความเสี่ยง (hedge) ท่ามกลางความไม่แน่นอนทางการคลังของสหรัฐ”
ทั้งบิตคอยน์และทองคำได้รับแรงซื้อจากนักลงทุนที่ต้องการปกป้องทรัพย์สินจาก “debasement trade” — กลยุทธ์การลงทุนที่หันไปถือครองสินทรัพย์ทางเลือก เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการด้อยค่าของสกุลเงินกระดาษ
บริษัท QCP Capital กล่าวเพิ่มเติมว่า
“ในช่วงที่รัฐบาลสหรัฐปิดทำการ ราคาบิตคอยน์ที่พุ่งขึ้นกว่า 10% ในสัปดาห์เดียว แสดงให้เห็นว่าบทบาทของบิตคอยน์ในฐานะสินทรัพย์ปลอดภัย (safe haven) กำลังกลับมาอีกครั้ง”
บิทคอยน์
บิทคอยน์
ลงทะเบียนอย่างปลอดภัยกับผู้ให้บริการแพลตฟอร์มซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสำนักงาน ก.ล.ต


